.

แก้วมังกรแดง

สิงหาคม พ.ศ. 2565 เราทดลองปลูกแก้วมังกรแดง 10 ต้น ยึดเกาะกับเสาปูน 3 เสา ปลูกแบบทิ้งขว้างไม่ค่อยดูแล (เหมือนปลูกกระบองเพชร ไม่ต้องรดน้ำ) ประมาณ 10 เดือน ออกผลมาเฉย รสชาติหวานอร่อยกว่าซื้อกินอีก ปัจจุบัน (ปี 2568) เราปลูกทั้งหมด 190 เสาๆ ละ 4 ต้น (เราปลูกแก้วมังกรแดง สายพันธุ์เดียว) คราวนี้ดูแลอย่างดี ไม่ใช้สารเคมีตั้งแต่เริ่มปลูกจนเก็บผลผลิต
      ก่อนเพาะปลูก : ปักชำท่อนพันธุ์โดยไม่ใช้น้ำยาสารเคมีเร่งราก
      การปลูก : ไม่รองก้นหลุมด้วยปูนขาว (ชื่อทางเคมี แคลเซียมคาร์บอเนตและแคลเซียมไฮดรอกไซด์)
      การดูแล : ตัดแต่งกิ่ง รดน้ำ ใส่ปุ๋ยคอก(ขี้เป็ด ขี้ไก่) โรยแกลบ กันมดโดยโรยโคนต้นด้วยเปลือกไข่เผาทุบ ไม่ใส่ปุ๋ยเคมี ไม่ฉีดยาและสารเคมีทุกชนิด ตัดแต่งทรงพุ่มไม่ให้หนาแน่นจนเกินไป ถอนหญ้าและวัชพืชโคนต้นสม่ำเสมอ เรารักษาต้นที่รากเน่าโคนเน่าเพราะเชื้อรา และต้นที่เป็นโรคราจุด โดยใช้หัวเชื้อไตรโคเดอม่าที่ได้จากเกษตรอำเภอ ซึ่งเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์ (ออแกนนิก 100%) นำมาหมักกับข้าวกึ่งสุกกึ่งดิบทำให้เกิดสปอร์เชื้อไตรโคเดอม่า นำมาละลายน้ำฉีดพ่นที่ต้นและโรยโคนต้น
      ระยะออกดอกและผล : โรยโคนต้นด้วยเปลือกไข่เผาทุบเพื่อกันมด และใช้ถุงผ้าห่อผลกันนกจิกกิน

ไตรโคเดอร์ม่า คือ เชื้อราชนิดหนึ่งที่ไม่มีอันตรายกับพืช คน สัตว์และแมลง มีคุณสมบัติในการควบคุมและทำลายเชื้อราสาเหตุโรคพืชทงดิน ทำให้พืชมีระบบรากที่สมบูรณ์ แข็งแรง

ผลผลิตแก้วมังกรของเรามีรสธรรมชาติ ไม่เหมือนที่อื่น ออกในเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ของทุกปี

ประโยชน์ของแก้วมังกร รวบรวมจากงานวิจัย มีดังนี้

1. แก้วมังกรช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินซี โปรตีน คลอโรฟิลล์ แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ และยังช่วยชะลอริ้วรอยต่างๆ ได้
2. แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ (50-60 กิโลแคลอรี/100 กรัม) น้ำตาลที่พบส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลกลูโคส ฟรุกโตส และซูโครส ในเนื้อของแก้วมังกรมีวิตามินซี และโพแทสเซียมสูง โดยวิตามินซีช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน โพแทสเซียมมีผลดีต่อความดันโลหิต พบว่า หากผู้ที่มีความดันโลหิตสูงได้รับโพแทสเซียมเพียงพอจะช่วยลดระดับความดันโลหิตลงได้
3. แก้วมังกรมีไฟเบอร์หรือกากใยสูง ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหาร และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อแก้วมังกรแดงมีสีแดงเข้มหรือสีแดงอมม่วง อาจทำให้อุจจาระหรือปัสสาวะมีสีแดงคล้ายกับมีเลือดปนออกมา หรือที่เรียกว่าภาวะสีเลือดเทียมในปัสสาวะ (pseudohematuria) เนื่องจากในเนื้อของแก้วมังกรมีสารกลุ่ม betalains ที่มีสีแดง จึงทำให้อุจจาระหรือปัสสาวะมีสีแดง ซึ่งสารดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
4. แก้วมังกรมีพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ซึ่งเป็นเส้นใยที่พบได้มากในผัก ผลไม้ ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ พรีไบโอติกส์จึงเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารและเป็นอาหารให้แก่แบคทีเรียและจุลินทรีย์ในลำไส้ พรีไบโอติกส์อาจช่วยปรับสมดุลและส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) และไบฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacteria) ในระบบทางเดินอาหารและลำไส้ ป้องกันอาการท้องผูก ท้องร่วงได้
5. แก้วมังกรมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โดยเฉพาะแก้วมังกรแดงมีสารไลโคปีนอยู่เป็นจำนวนมาก มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระและกระบวนการอักเสบในร่างกายอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง

แก้วมังกรเป็นผลไม้รสหวานที่สามารถทานปริมาณเยอะได้ ไม่ทำให้ร้อนใจ ทั้งนี้ต้องระมัดระวังในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ผู้ป่วยโรคไต หรือผู้ที่ต้องควบคุมระดับโพแทสเซียมในเลือด ควรกินแก้วมังกรแต่พอดี เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีโพแทสเซียมสูง